วิธีรวย
"...ในโลกมนุษย์ ถ้าเรามีบุญเสียแล้วจะค้าขาก็ร่ำรวย จะทำงานทำกิจการอะไรก็เจริญ จะหาทรัพย์สมบัติก็ได้คล่องสะดวกสบายไม่ติดขัดแต่ประการใด..."
เรื่องราว..ความจน..ความรวยของมนุษย์นี้ พระเดชพระคุุณหลวงปู่ท่าก็เคยกล่าวไว้ว่า ขึ้นอยู่กับบุญ ดังนี้
"...ในมนุษย์โลกถ้าเรามีบุญเสียแล้วจะค้าขายก็ร่ำรวย จะทำงานกิจการอะไรก็เจริญ จะหาทรัพย์สมบัติก็ได้คล่องสะดวกสบายไม่ติดขัดแต่ประการใด ถ้าว่าไม่มีบุญ จะทำอะไรก็ติดขัดไปเสียทุกอย่างทุกประการ ดังนั้น จังได้ชักชวนพวกเราให้มาทำบุญทำกุศลเสีย จะได้เลิกทุกข์ยากลำบากเสียที..."
และท่านก็บอกวิธีรวยไว้ด้วย คือ ให้ทำทาน รักษาศีลให้บริสุทธิ์ และเจริญสมาธิภาวนาให้ใจหยุดนิ่ง ดังนี้
ทาน: ...ทานการให้นี่เป็นนโยบายของบัณฑิตทั้งหลายแต่ไหนแต่ไรมา คนมีปัญาแล้วก็ต้องให้ทาน ถ้าคนโง่แล้วเห็นว่าสิ้นไปหมดไป ถ้าว่าคนมีปัญญาแล้วเห็นว่ายิ่งให้ยิ่งมียิ่งยกใหญ่...
ศีล : เราครองเรือนก็เหมือนกัน เสียทรัพย์เสียไป ศีลอย่าให้เสีย ต้องรักษาไว้ ศีลเป็นสิ่งสร้างทิพย์ เจ้าทรัพย์เสียถ้าว่ามีศีลละก็ ได้ชื่อว่า เป็นคนดี คนบริสุทธิ์ แล้วเป็นเจ้าทรัพย์ ทรัพย์ดึงดูดในโลกให้มาให้มาหา ไม่ต้องเดือดร้อนอะไร ให้บริสุทธิ์จริง ๆ นะ
ภาวนา : ...ถ้าว่าจิตอยุดเสียได้ละก็ เขมํ ทีเดียว เกษมผ่องใสเหมือนอย่างกับกระจกคันฉ่องเงาหน้าทีเดียว ...ถ้าจิตหยุดเช่นนั้นเสียแล้วละก็ เงินน่ะ ไม่ต้องหายากลำบากแต่อย่างไรหรอก ถ้าจิตผ่องใสขนาดนั้นแล้ว ไม่ต้องทำงานอะไรมากกมายไปหรอก มันไหลเข้ามาเองนะ เงินน่ะไม่เดือดร้อน..
สมภารวัดปากน้ำนะสมภารแก่แล้ว อายุ ๗๑ แล้วนะ..ต้องการบุญกุศลเท่านั้นแหละ อยู่ที่ไหนก็ให้ทาน บริจาคทานไป ไม่ทำอะไรก็สอนหนังสือหนังหาไป สงเคราะห์อนุเคราะห์กุลบุตรไปอย่างนี้แหละ...
การทำงานให้ได้บุญเต็มเปี่ยม ผู้ทำต้องปิติในทาน ยิ่งปิติมากก็ยิ่งได้บุญมาก จำนวนชาติที่บุญตามส่งผลก็จะมากขึ้น ดังนี้น ไม่ว่าจะทำทานมากน้อยเพียงใด ก็ขอให้ทำใจให้ปิติมากๆ เพราะทานที่เราทำในแต่ละครั้งมีอานิสงส์มากมายเกินกว่าคนธรรมดาสามัญจะคาดคิดได้ ดังคำสอนพระเดชพระคุณหลวงปู่ ที่ว่า..
"...ถ้าให้แก่คนเลวทรามมนุษย์พรานเบ็ดหรือพรานแห ผู้มีมือชุ่มไปด้วยโลหิตใจอำมหิต บาปหยาบช้า ให้อาหารเพียงอิ่มเดียว เจ้าของทานผู้ให้อาหารแก่คนเช่นนั้น ย่อมได้รับอานิสงส์ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณะ ตามสนองไปทุกภพทุกชาติ"