ฟรี ร้านค้า ออนไลน์ ads 18.188.66.13 : 03-05-24 14:57:25   
สมัครสมาชิกใช้งานติดต่อโฆษณาสินค้าแยกตามหมวดร้านค้าสมาชิกกระดานสนทนากระดานสนทนา
MeeMarket

  หมวดสินค้าของเรา            
  
 

Tag / คำค้น

  แสดงสินค้าทั้งหมด
มีอะไรอยู่ในตะกร้าบ้างแล้ว คลิ๊กเลย!!!
หน้าแรกของร้าน
ร้าน MeeMarket
กระดานถามตอบของร้าน
>> webboard ของร้าน >> ลุยป่าปีนเขาขึ้น ดอยม่อนจอง ชมกุหลาบพันปี

หัวข้อ : ลุยป่าปีนเขาขึ้น ดอยม่อนจอง ชมกุหลาบพันปี  
 
ไป ดอยม่อนจอง กันมั้ย ... แวบแรกที่ได้ยินเพื่อนชวน ก็นึกสงสัยว่า ดอยม่อนจอง อยู่ที่ไหนนะ เพื่อนตัวดีก็เลยสาธยายให้ฟังว่า ดอยม่อนจอง ตั้งอยู่ใน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย (หน่วยมูเซอ) จังหวัดเชียงใหม่ โอบล้อมด้วยทิวเขา แถมมีกุหลาบพันปีที่หาดูไม่ได้ง่าย ๆ แหม...บรรยายซะเห็นภาพขนาดนี้ ใครจะไปอดใจไหว รีบตกปากรับคำทันที อารมณ์นั้นไม่ได้คิดอะไรก็แค่ขำ ๆ เดินดอยชมวิว คงไม่ลำบากอะไรหรอกมั้ง ถามเพื่อนมันก็บอกว่าเดินง่าย อย่างแกไปได้อยู่แล้ว! ก็เลยไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากมาย

เที่ยงตรงของวันนัดพบ พวกเรารวมพลกันที่สถานนีรถไฟหัวลำโพง เพื่อเดินมุ่งสู่จังหวัดเชียงใหม่ เข็มนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสองโมงตรงปุ๊บ ขบวนรถไฟก็ขับเคลื่อนออกเดินทางปั๊บ เริ่มแรกพวกเราก็ยังตื่นเต้นกับการถ่ายรูปตัวเองบ้าง วิวบ้าง นั่งเม้าท์ นั่งกินขนมไปเรื่อย แต่พอเริ่มตกค่ำ อากาศก็เริ่มเย็นลง ๆ หนังตาก็เริ่มจะปิดลงตาม พร้อม ๆ กับอาการเมื่อยตามเนื้อตามตัว -_- ฉึกฉัก ๆ ๆ ๆ สถานนีต่อไป เชียงใหม่ สถานีจุดหมายปลายทาง เย้! ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงเชียงใหม่ซะที ก้มมองนาฬิกา โอ้แม่เจ้า...หกโมงเช้า เรานั่งอยู่บนรถไฟกว่า 12 ชั่วโมง เลยเหรอเนี้ย บ่นพึมพำกับตัวเองอยู่สักพัก ก่อนที่เพื่อนจะตะโกนบอกให้ไปแปรงฟันล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำสถานีรถไฟ เพราะมีนัดกับพี่คนขับรถที่จะพาพวกเราออกจากตัวเมืองเชียงใหม่มุ่งหน้า อำเภออมก๋อย (ขอบอกว่าอากาศดีมาก ๆ เย็นได้ใจจริง ๆ)

ตลอดระยะทางจากตัวเมืองเชียงใหม่สู่อมก๋อย บอกได้คำเดียวว่าสวยสุด ๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยภูเขา พอถึงตัวเมืองอมก๋อยก็ต้องแวะหาเสบียง สำหรับขนขึ้นไปกินแกล้มวิวบนดอยซะหน่อย อิอิ แต่คิดได้เท่านั้น เสียงเพื่อนตัวดีก็สั่งแบบรู้ความในใจว่า ควรจะซื้ออาหารที่ทำกินง่าย ๆ ดีกว่า เพราะด้านบนไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ ให้นะ (เฮ้ย! ไหนว่าชิว ๆ ไง...แอบประท้วงในใจ) ซื้อของเสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลาเวียนหัวต่อ เพราะตลอดทางมีแต่เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ดีที่สองข้างทางมีสายน้ำไหลเลาะเลียบเคียงคู่ไป ทำให้มองเพลิน ๆ คลายอาการพะอืดพะอมไปได้มากโข แต่ขอแนะนำว่าใครที่เมารถควรกินยาแก้เมารถก่อนเดินทางดีที่สุด อะ ๆ ระหว่างสายตาเหลือบไปเห็นทิวสนเขียวขจีทอดตัวยาวสุดสายตา แบบนี้คงต้องแวะแชะถ่ายรูปซะหน่อย ^^ ทิวสนที่อยู่ตรงหน้าคือ สวนสนบ่อแก้ว หรือชื่อทางการว่า สถานีวนวัฒนวิจัยบ่อแก้ว กรมป่าไม้ ซึ่งปลูกต้นสนเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ก่อนที่ล้อจะเคลื่อนออกเดินทางสู่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย อีกครั้ง

เวลาผ่านไปเกือบประมาณ 5 ชั่วโมง ที่ล้อรถไปหยุดนิ่งอยู่ใน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ก้าวแรกที่เท้าลงไปเหยียบพื้นดิน รู้สึกได้เลยว่าเมื่อยสุด ๆ แต่สายลมเย็น ๆ ประกอบกับทัศนียภาพที่เห็น ความเหนื่ยอ่อนจากการเดินทางก็ลดลงไปเรื่อย ๆ ล้างหน้าล้างตากันอีกซักรอบ ก็ได้เวลาขนข้าวของหย่อนใส่รถโฟร์วีลเตรียมเดินทางอีกครั้ง เพราะเส้นทางไป ดอยม่อนจอง สัญจรผ่านได้เฉพาะรถโฟร์วีลเท่านั้น เนื่องจากเส้นทางแคบ ๆ อีกทั้งยังต้องเลาะไปตามไล่เขาสูงชัน แต่ก่อนจะไปเสียวสันหลังบนรถโฟร์วีล คณะเราแวะรับลูกหาบชาวมูเซอ 3 คน ที่หมู่บ้านมูเซอ (แต่ละคนมีชื่อนำหน้าว่า จะ... ทั้งนั้น) ซึ่งเป็นปราการด่านสุดท้าย ก่อนที่พวกเราต้องใช้เวลาโยกซ้ายโยกขวาอยู่บนกระบะรถโฟร์วีลราว ๆ 2 ชั่วโมง ก่อนจะถึงจุดเริ่มต้นทางเดินเท้า

พวกเราออกจากจุดเริ่มต้นประมาณบ่ายสี่โมงกว่า ๆ แบกเป้ขนสัมภาระสุดหนักอึ้งจนตัวโก่ง มองป้ายบอกทางจุดหมายปลายทางอยู่ที่ 5 กิโลเมตร มี พี่ชาติ เจ้าหน้าที่ของหน่วยพิทักษ์ป่าคอยนำทาง พวกเราเดินขึ้นเขา ลงเขา ขึ้นเขา ลุยป่า เฮ้อ! หมดแรงตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งทาง บ่นออกมาเสียงดัง ๆ ตลอดทางว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่ ทำไม่ไม่นอนอยู่บ้าน แต่ดีหน่อยที่สองข้างทางมีแต่ป่าไม้เขียวขจี โดยเฉพาะ ต้นสาบเสือ ที่ขึ้นสูงท่วมหัวหาดูได้ยาก และเมื่อเดิน ๆ ๆ มาถึงบริเวณ ภูหินช่อ ซึ่งหลาย ๆ คนมักแวะพักระหว่างทาง ก็เป็นเวลาที่แสงแดดสาดส่อง ทำให้ทั่วบริเวณกลายเป็นสีทองเหลืองอร่าม พักกายพักใจกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางกันต่อ แต่พระอาทิตย์กลับไม่เป็นใจ ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ซึ่งก็ทำให้พวกเรามองไม่เห็นอะไรนอกจาก ความมืด จึงต้องแวะกางเต็นท์นอนกัน เพราะอากาศลดลงเย็นเร็วมาก ประกอบกับน้ำค้างที่หยดลงมาประหนึ่งสายฝน

พวกเรารีบกางเต็นท์ ก่อกองไฟ หุงหาอาหารประทังชีวิตกัน ก่อนที่จะมานั่งล้อมวงพูดคุยกับเล็ก ๆ น้อย ๆ พอเป็นพิธี จากนั้นก็แยกย้ายกันเข้านอน โดยที่ไม่มีใครได้อาบน้ำ เนื่องจากแหล่งน้ำที่มีบน ดอยม่อนจอง ต้องปีนเขาอีกหลายลูกกว่าจะเจอ วินาทีนั้นอาบหรือไม่อาบก็ไม่มีใครสนใจ เพราะเหน็ดเหนื่อยมาจากการเดินทาง ผสมกับเมื่อยล้ามาจากเดินขึ้นเขา แต่หลับไปได้ซักพักรู้สึกว่าหนาวไปถึงกระดูก อากาศเย็นเกินบรรยาย เสื้อ 4 ตัว กางเกง 2 ตัว ถุงเท้า ถุงมือ หมวกไหมพรหม แถมนอนสอดตัวอยู่ในถุงนอน ก็ยังเอาไม่ทำให้อบอุ่นเท่าไหร่เลย

เฮ้อ!!! แต่คล้อยหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงพูดคุยแว่ว ๆ เปิดเต็นท์ลุกขึ้นไปด้านนอก ทันทีที่ยื่นหน้าออกไป กลิ่นหอมของกาแฟ โอวัลติน โชยมาให้ท้องร้อง กินข้าว เช็ดหน้าเช็ดตากันเรียบร้อย ก็ถึงเวลาไปขึ้นเขา ลงเขา เลาะหน้าผากันอีกครั้ง พวกเราค่อย ๆ เดินลุยป่าไปเรื่อย ๆ เพราะเมื่อคืนน้ำค้างลงหนักทำให้พื้นเฉอะแฉะ จึงเดินลำบากเข้าไปอีก แต่เมื่อมาเจอทางขึ้นเขาซึ่งชันมาก ๆ ยิ่งทำให้พวกเราต้องใช้เวลาในการคลาน เอ้ย ไต่ขึ้นไปนานพอดู เพราะพื้นที่ในการให้รองเท้าเหยียบยืนช่างน้อยเหลือเกิน ทำให้พวกเราต้องค่อย ๆ ก้าว ทีละก้าวอย่างช้า ๆ กว่าจะถึงด้านบนก็เล่นเอาเหนื่อยหอบ

นั่งพักถ่ายรูปกับพอให้กระชุ่มกระชวยก็ลุยกันต่อ มองเส้นทางข้างหน้าเห็นมีแต่สันเขาเรียบ ๆ แอบยิ้มในใจว่าไม่ต้องเหนื่อยเท่าไหร่แล้ว แต่ที่ไหนได้ พอหลุดพ้นจากสันเขาพวกเราต้องเดินเลาะขอบเขาแคบ ๆ เดินได้คนเดียว เรียกได้ว่าเสียวสุด ๆ ต้องใช้สมาธิในการก้าวเดิน พอผ่านจุดนี้ไปได้ก็ต้องเดินขึ้นเขาเล็กไปอีกนิดน้อย ก่อนจะวิ่งลงมายัง สนามกอล์ฟช้าง ลานกว้าง ๆ ที่มีหลุมยักษ์อยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่าจะถึงจุดพักกางเต็นท์แล้ว เสียงพี่ชาติตะโกนแข่งกับเสียงลมแว่วมาว่า นั่นไงครับ ยอดหัวสิงห์ จุดที่สูงที่สุดของ ดอยม่อนจอง พวกเราเลี้ยวไปมองเห็น ยอดหัวสิงห์ อยู่ลิบ ๆ เลยตัดสินใจไปหาที่กางเต็นท์พักแข้งพักขากันก่อนสักหน่อย แล้วค่อยไปพิชิต ยอดหัวสิงห์ กัน ที่พักของคืนนี้ต้องเดินลงเขาที่ลาดชันเล็ก ๆ ข้ามธารน้ำเย็น ๆ ไปอีกเล็กน้อบ ก็ถึงจุดกางเต็นท์ที่ทางเจ้าหน้าที่จัดไว้ งานนี้ใช่เวลากางเต็นท์กันไม่นานเท่าไหร่ เพราะท้องร้องหาอาหาร จึงก่อกองไฟ ทำกับข้าว หุงหาอาหาร

พวกเรารวมทั้งเจ้าหน้าที่และลูกหาบ ล้อมวงกินข้าว พร้อมพูดคุยกันอย่าสนุกสนาน พี่ชาติเลยถือโอกาสบอกเล่าถึง ดอยม่อนจอง ให้ฟังว่า ดอยม่อนจอง ตั้งอยู่บนทิวเขาถนนธงชัยตอนกลาง ครอบคลุมพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และ อำเภอสามเงา จังหวัดตาก โดยคำว่า ม่อน เป็นภาษาคำเมืองที่หมายถึง ดอยหรือเนินเขา ส่วนคำว่า จอง ก็เป็นภาษาคำเมืองจะออกเสียงว่า จ๋อง หมายถึง ลักษณะจั่วสามเหลี่ยมที่อยู่สูงที่สุด ซึ่งเรียกตามลักษณะภูมิประเทศที่เป็นยอดเขาและมีหน้าผาสูงชัน สำหรับ ดอยหัวสิงห์ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,929 เมตร ถูกเรียกว่า ดอยหัวสิงห์ เพราะลักษณะที่คล้ายหัวสิงห์

สมัยก่อน ดอยม่อนจอง นับเป็นดินแดนแห่งสรรพสัตว์ที่ใช้ชีวิตอาศัยอยู่อย่างอิสระเสรี เช่น กวางผา หรือ ม้าเทวดา และ เลียงผา รวมทั้งโขลงช้างป่า แต่ปัจจุบันหาชมได้ยากมาก และอีกสิ่งหนึ่งที่นำนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยือน ดอยม่อนจอง โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ก็คือ กุหลาบพันปี หรือชื่อเฉพาะว่า คำแดง ที่กำลังออกดอกแย้มกลีบบานสะพรั่งเต็มต้นอยู่เป็นดงตามไหล่เขา ว่ากันว่าต้นนี้เป็นต้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ฟังพี่ชาติเล่าไปเพลิน ๆ เหลือบตามองนาฬิกา เฮ้ย! สี่โมงเย็น พวกเราเลยรีบหยิบกล้องถ่ายรูป สวมเสื้อแจ็คเก็ต สวมหมวก ใส่ถุงมือ เตรียมตัวไปพิชิต ยอดดอยหัวสิงห์ ระหว่างทางพวกเรารวมถึงพี่ชาติและน้อง ๆ ลูกหาบชาวมูเซอลัลลาเต็มที่ เดินไป แวะถ่ายรูปกันไป ทิวทัศน์สองข้างวางมองดูเหมือนภาพวาด เทือกเขาสูงสลับซับซ้อนตั้งตระหง่านทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตา แสงอาทิตย์ยามบ่ายส่องสะท้อนกับผืนหญ้าที่ขึ้นตามแนวสันเขาสวยงามเกินบรรยาย เสียงลั่นชัตเตอร์...แชะ ๆ ๆ ๆ ดังไม่หยุดไปตลอดทาง ไต่โคดหินขึ้นไปเรื่อย ๆ กว่าจะนำพาร่างกันอ่อนแรง ไปถึง ยอดดอยหัวสิงห์ พระอาทิตย์ก็ใกล้ลาลับขอบฟ้าแล้ว ป้ายคำว่า ยอดดอยหัวสิงห์ จุดสูงสุดของดอยม่อนจอง คือพระเอกของงานนี้ ใคร ๆ ก็พากันไปมะรุมมะตุ้มอยากที่จะถ่ายรูปด้วย เพื่อเป็นหลักฐานว่าเราเคยมาแล้วนะ ดอยม่อนจอง เสร็จสิ้นจากการถ่ายรูปก็ได้เวลากวาดสายตาเก็บภาพในวินาทีนี้ใส่เมมโมรี่ไว้ในสมอง ก่อนจะไปสะดุดตากับต้น กุหลาบพันปี สีแดง ๆ ออกดอกบานสะพรั่งไปทั่วบริเวณ

พวกเรานั่งเรียงหน้ากระดาน ทอดสายตามองวิวเบื้องหน้า พระอาทิตย์ค่อย ๆ ลาลับหายไปในขอบฟ้า สิ่งหนึ่งที่แว่บขึ้นมาในหัวตอนนั้นคือ ฉันรู้แล้วว่า...ฉันมาทำอะไรที่นี่ ^__^ เพราะภาพบรรยากาศแบบนี้ ถึงจะมองเห็นได้ในภาพถ่าย แต่มันจะตราตรึงอยู่ในความทรงจำของฉันไปตลอดชีวิต

ทิป เล็ก ๆ น้อย ๆ

ดอยม่อนจอง เปิดให้นักท่องเที่ยวมายลโฉมในเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ เท่านั้น

การขึ้น ดอยม่อนจอง จะต้องมีเจ้าหน้าที่เป็นคนนำทางขึ้นไปเที่ยวทุกครั้ง ไม่สามารถขึ้นเองเองได้ อีกทั้งก่อนขึ้นก็จะต้องติดต่อขออนุญาตกับทาง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย หน่วยมูเซอ ซึ่งเป็นที่ตั้งที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย หรือ สำนักงาน ททท. ภาคเหนือ เขต 1 โทรศัพท์ 0-5324-8604, 0-5324-8607, 0-5324-1466 ก่อนด้วย

การเดินทางไป ดอยม่อนจอง ควรไปเป็นคณะเล็ก ๆ เพื่อจะได้ไม่รบกวนธรรมชาติจนเกินไป

สำหรับเวลาในเวลาในการเดินทางขึ้น ดอยม่อนจอง นักท่องเที่ยวควรใช้ประมาณ 2 วัน 1 คืน

การเดินทาง

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย มีเส้นทางมนาคมจากตัวอำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่เข้าถึงได้ 2 เส้นทาง คือ...

1. จากอำเภอเมืองเชียงใหม่โดยรถยนต์ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 (เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน) ผ่านอำเภอหางดง อำเภอสันป่าตอง อำเภอจอมทอง ถึงอำเภอฮอด ระยะทางประมาณ 88 กิโลเมตร แล้วแยกเข้าอำเภอดอยเต่า ตามทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1103 ถึง ท่าเรือริมแม่น้ำปิง ตำบลท่าเดือ อำเภอดอยเต่า (ท่าศูนย์) ระยะทางประมาณ 40 กม. จากนั้นลงเรือล่องลงใต้ตามแม่น้ำปิง ถึงหน่วยพิทักษ์ป่าดอยเต่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ระยะทางประมาณ 10 กม. รวมจากอำเภอเมืองเชียงใหม่ ถึงหน่วยพิทักษ์ป่าดอยเต่าระยะทางประมาณ 138 กม. (หน่วยพิทักษ์ป่าดอยเต่าอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ตอนเหนือ ทางด้านทิศตะวันออกติดกับแม่น้ำปิง)

2. จากอำเภอเมืองเชียงใหม่ โดยทางรถยนต์ตามเส้นทางสายเดิม ตามข้อ 1.1 ถึงอำเภอฮอด แต่แทนที่จะแยกเข้าอำเภอดอยเต่าตามทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1103 จะเดินทางต่อตามเส้นทางเดิม (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108) จากอำเภอฮอดไปอีก 39 กม. แยกเข้าตามทางหลวง จังหวัดหมายเลข 1099 ถึงบ้านปางโอ้งโม้ง ตำบลยางเปียง อำเภออมก๋อย ตรงหลักกิโลเมตรที่ 32 แยกเข้าสู่เส้นทางไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร รวมจากอำเภอเมืองเชียงใหม่ ถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ระยะทางประมาณ 171 กม. (ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อมก๋อยตอนเหนือ ทางด้านทิศตะวันตก)

ที่มา กระปุก.คอม  

แสนดีเจริญรุ่งเรือง


2010-07-23 10:27:11 183.89.3.***
stat : 690 posts , 0 replys
 

คำตอบ
 
ข้อความ
รูปแบบพิเศษ ย่อหน้า ตัวหนา ตัวยก ตัวห้อย ตัวหนังสือเรืองแสง ตัวหนังสือมีเงา ตัวเอียง เส้นใต้ สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน สีส้ม สีชมพู สีเทา แทรกรูปจาก internet แทรกไฟล์ youtub vdo
Emotions
ชื่อ
email
ซ่อน E-Mail
.
สมัครสมาชิก Click ที่นี่ | เข้าสู่ระบบ Click ที่นี่




User :
Pass :
ลืมรหัสผ่าน

 
 
 
© Copyright 2010 WWW.MEEMARKET.COM All Rights Reserved.